วิธีคำนวณโหลดไฟฟ้า หนึ่งเซอร์กิตเบรกเกอร์รองรับไฟกี่ดวง
เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ความปลอดภัย” และ “ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน” กลายเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน หนึ่งในองค์ประกอบที่มีบทบาทอย่างยิ่งคือ “เซอร์กิตเบรกเกอร์” หรือที่หลายคนเรียกว่า “เบรกเกอร์ไฟฟ้า” อุปกรณ์ชิ้นเล็กที่มีหน้าที่สำคัญในการป้องกันอันตรายจากระบบไฟฟ้าที่ผิดปกติ เช่น กระแสไฟฟ้าเกิน ไฟฟ้าลัดวงจร หรือความร้อนสะสมภายในวงจร ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของไฟไหม้บ้านในหลายกรณี ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีด้านแสงสว่างก็พัฒนาไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมาของ หลอดไฟ LED ที่ให้ความสว่างสูงแต่ใช้พลังงานต่ำมาก ทำให้เจ้าของบ้านหรือผู้ดูแลอาคารสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมยืดอายุการใช้งานของระบบแสงสว่างได้ยาวนานกว่าหลอดแบบเดิมหลายเท่า
คำถามที่มักเกิดขึ้นในภาคปฏิบัติคือ “หนึ่งเซอร์กิตเบรกเกอร์ควรต่อหลอดไฟ LED ได้กี่ดวง?” แม้จะดูเหมือนเป็นคำถามธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วต้องอาศัยความเข้าใจในเรื่องของ กระแสไฟฟ้า (แอมแปร์), พลังงานไฟฟ้า (วัตต์), ขนาดเบรกเกอร์, ขนาดสายไฟ และพฤติกรรมการใช้งานจริง รวมถึงต้องเผื่อไว้สำหรับโหลดในอนาคต
เซอร์กิตเบรกเกอร์คืออะไร
เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker) คืออุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้าโดยอัตโนมัติเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเกินกว่าพิกัด หรือเกิดการลัดวงจร ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมถึงความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้
หน้าที่หลักของเบรกเกอร์
-
-
- ป้องกันกระแสเกิน (Overload Protection): ตัดวงจรเมื่อมีการใช้ไฟฟ้ามากเกินไปในวงจรนั้น
- ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit Protection): ตัดวงจรทันทีเมื่อเกิดการลัดวงจรเพื่อหยุดกระแสไฟมหาศาลที่ไหลผิดปกติ
-
หลักการพื้นฐาน ความสัมพันธ์ระหว่างแอมแปร์และวัตต์
การจะทราบว่าหนึ่งเบรกเกอร์สามารถรองรับหลอดไฟได้กี่ดวง จำเป็นต้องเข้าใจพื้นฐานของพิกัดกระแส (แอมแปร์) และกำลังไฟฟ้า (วัตต์)
-
- แอมแปร์ (A): วัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน
- วัตต์ (W): วัดพลังงานที่อุปกรณ์ไฟฟ้าใช้
- แรงดันไฟฟ้า: โดยทั่วไปในประเทศไทยใช้ 220V
สูตรคำนวณพื้นฐาน
กระแสไฟฟ้า (A) = กำลังไฟฟ้า (W) ÷ แรงดันไฟฟ้า (V)
ตัวอย่าง: หลอดไฟ LED ขนาด 9W ใช้กระแสไฟ
= 9 ÷ 220 ≈ 0.04 แอมแปร์/ดวง
สูตรนี้เหมาะมากกับการคำนวณว่า “โหลดไฟฟ้าแต่ละตัวดึงกระแสไฟเท่าไหร่”
คำนวณกำลังโหลด (Watt) ที่เบรกเกอร์รับได้
-
-
-
สูตร:
เช่น เบรกเกอร์ 10A กับไฟบ้าน 220V
220V×10A=2,200W220V × 10A = 2,200W
-
-
สิ่งที่ต้องการรู้ |
สูตรที่ใช้ |
ใช้เมื่อ… |
เบรกเกอร์รับโหลดได้กี่วัตต์ |
W = V × A |
คำนวณขีดจำกัดของเบรกเกอร์ |
หลอดไฟกินไฟกี่แอมป์ | A = W ÷ V |
คำนวณว่าใช้ไฟเท่าไหร่ต่อดวง |
ปัจจัยที่ส่งผลต่อจำนวนหลอดไฟที่ต่อได้ในหนึ่งเบรกเกอร์
-
-
พิกัดกระแสของเบรกเกอร์ (Ampere Rating):
- เบรกเกอร์มีหลายขนาด เช่น 10A, 16A, 20A โดยต้องใช้ไม่เกิน 80% ของพิกัดเพื่อความปลอดภัย
-
ตัวอย่าง:
-
-
- เบรกเกอร์ 10A → ใช้งานที่ 8A
- เบรกเกอร์ 16A → ใช้งานที่ 12.8A
-
กำลังไฟของหลอดไฟ LED:
- หลอดไฟ LED ใช้พลังงานน้อย เช่น 9W แต่ให้แสงเทียบเท่าหลอดไส้ 60W
-
การออกแบบระบบวงจร:
- ควรแยกวงจรแสงสว่างออกจากวงจรปลั๊กไฟ
- แบ่งโซนไฟตามพื้นที่ เช่น ห้องละวงจร หรือชั้นละวงจร
-
ตัวอย่างการคำนวณ
เบรกเกอร์ 10A:
-
-
- ใช้งานจริงได้ 8A → 8A x 220V = 1760W
- หลอด LED 9W: 1760 ÷ 9 ≈ 195 ดวง
-
เบรกเกอร์ 16A:
-
-
- ใช้งานจริงได้ 12.8A → 12.8 x 220 = 2816W
- หลอด LED 9W: 2816 ÷ 9 ≈ 312 ดวง
-
เบรกเกอร์ (A) | รับโหลดสูงสุด (W) |
ใช้ได้กับหลอด LED 10W ได้ประมาณ (ดวง) |
6A |
1,320 W | ~105 ดวง |
10A |
2,200 W |
~176 ดวง |
16A |
3,520 W |
~280 ดวง |
20A | 4,400 W |
~352 ดวง |
หมายเหตุ: ตัวเลขเป็นค่าประมาณตามทฤษฎี ควรเผื่อไว้ 20% เพื่อความปลอดภัย และคำนึงถึงความร้อน สายไฟ และระยะทางด้วย ในการติดตั้งจริงควรพิจารณาเรื่องสายไฟ ความยาวสาย การเผื่อโหลด และความร้อนสะสมร่วมด้วย
ข้อแนะนำในการใช้งานจริง
-
- ใช้เบรกเกอร์คุณภาพสูง ได้มาตรฐาน มอก.
- แบ่งวงจรแสงสว่างเป็นโซนตามพื้นที่
- เผื่อโหลดไฟล่วงหน้าเพื่อการขยายระบบ
- ใช้สายไฟที่เหมาะสม เช่น 1.5 sq.mm สำหรับเบรกเกอร์ไม่เกิน 16A
- หมั่นตรวจสอบระบบไฟอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้เชี่ยวชาญหรือช่างไฟฟ้ามืออาชีพ
บทสรุป
ความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่าง เซอร์กิตเบรกเกอร์ กับจำนวน หลอดไฟ LED ที่สามารถต่อร่วมในวงจรได้ ไม่ใช่เพียงเรื่องของตัวเลขการคำนวณ แต่คือการออกแบบระบบไฟฟ้าให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานจริง พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยในระยะยาวตัวอย่างในบทความ เราเห็นว่าในเชิงทฤษฎี เบรกเกอร์เพียงตัวเดียวสามารถรองรับหลอดไฟ LED ได้หลายร้อยดวงใช้พลังงานน้อยมากเมื่อเทียบกับหลอดแบบดั้งเดิม แต่ในเชิงปฏิบัติจริง การคำนึงถึง คุณภาพของอุปกรณ์, การแบ่งโหลด, ขนาดสายไฟ, และ การออกแบบวงจรที่เหมาะสม คือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมา เช่น เบรกเกอร์ตัดไฟบ่อย หรืออุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร
หลอดไฟ LED ไม่เพียงช่วยประหยัดพลังงานเท่านั้น แต่ยังทำให้ระบบไฟฟ้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น หากนำมาใช้อย่างถูกต้องร่วมกับเซอร์กิตเบรกเกอร์และการวางแผนที่ดี จะช่วยให้ระบบไฟฟ้าในบ้านของคุณ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และรองรับการขยายตัวในอนาคตได้ง่าย นี่คือแนวทางของการสร้าง “บ้านอัจฉริยะ” ที่ประหยัดและยั่งยืนอย่างแท้จริง
NINELIGHTING แหล่งจัดจำหน่ายหลอดไฟ LED โคมไฟถนน LED เสาไฟถนน โคมไฮเบย์ LED สปอร์ตไลท์ LED ดาวน์ไลท์ราคาถูกสนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่
LINE Official Account:@nineled