แสงไม่สม่ำเสมอ (Hotspot / Scalloping) จากดาวน์ไลท์
ไฟดาวน์ไลท์ (Downlight) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของระบบแสงสว่างสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในบ้านพักอาศัย คอนโดมิเนียม สำนักงาน ร้านค้า ไปจนถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูและการติดตั้งที่แนบเนียนกับฝ้าเพดาน ดาวน์ไลท์สามารถสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น เรียบง่าย และทันสมัยได้อย่างลงตัว
อย่างไรก็ตาม หากมีการออกแบบหรือติดตั้งที่ไม่เหมาะสม ก็อาจเกิดปัญหา “แสงไม่สม่ำเสมอ” ซึ่งพบได้บ่อยในลักษณะที่เรียกว่า Hotspot และ Scalloping ส่งผลให้พื้นที่ดูไม่เรียบร้อย แสงตกกระทบไม่สม่ำเสมอ และอาจกระทบต่อการใช้งานหรือประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
ความหมายของ Hotspot และ Scalloping
Hotspot (ฮอตสปอต)
คือจุดที่แสงสว่างจ้ามากเกินไปจนเด่นชัดกว่าบริเวณรอบข้าง มักเกิดจากไฟดาวน์ไลท์ที่มี มุมกระจายแสงแคบ และติดตั้งให้ส่องลงพื้นผิวโดยตรง ทำให้เกิดแสงที่ไม่กระจาย ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบดูมืดและไม่สม่ำเสมอ
Scalloping (สแกลลอปปิ้ง)
คือรูปแบบของเงาและแสงที่ปรากฏเป็นลวดลายคล้ายคลื่นบนผนังหรือพื้นผิวแนวตั้ง มักเกิดเมื่อดาวน์ไลท์ติดตั้งห่างจากกันเกินไป หรืออยู่ใกล้ผนังโดยมีมุมกระจายแสงแคบ ส่งผลให้แสงตกกระทบไม่เรียบเนียน เป็น “รอยหยัก” ของแสงเงาที่ลดความงามของผนังลงอย่างชัดเจน
สาเหตุหลักของปัญหาแสงไม่สม่ำเสมอ
ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีสาเหตุที่สามารถวิเคราะห์ได้จากหลายปัจจัยหลัก ได้แก่:
- มุมกระจายแสง (Beam Angle) ไม่เหมาะสม
- มุมแคบเกินไป: ทำให้แสงรวมกันที่จุดใดจุดหนึ่ง เกิด Hotspot ได้ง่าย
- มุมกว้างเกินไป: หากไม่ได้ควบคุมทิศทางแสงอย่างดี อาจเกิดแสงล้นและแยงตา
- ระยะห่างของการติดตั้งผิดพลาด
- Spacing ระหว่างดวงไฟ: หากใกล้กันเกินไปจะเกิด Hotspot หากไกลเกินไปจะเกิด Scalloping
- Setback (ระยะห่างจากผนัง): ถ้าไฟอยู่ใกล้ผนังเกินไป แสงจะกระทบผนังแบบเป็นรอยชัดเจน
- ความสูงของเพดาน: ยิ่งเพดานสูง ยิ่งต้องคำนวณตำแหน่งติดตั้งและเลือกมุมกระจายแสงอย่างแม่นยำ
- ลักษณะของพื้นผิว
- พื้นผิวมันเงา (Glossy) สะท้อนแสงมาก ทำให้ Hotspot ชัดเจนขึ้น
- พื้นผิวด้านหรือมี Texture ช่วยลด Scalloping ได้บ้าง แต่ทำให้แสงดูมืดลง
- คุณภาพของโคมไฟดาวน์ไลท์
- โคมคุณภาพต่ำมักมีการกระจายแสงไม่ดี หรือมีเลนส์/รีเฟลกเตอร์ที่ออกแบบไม่เหมาะสม
- ค่า CRI ต่ำ อาจทำให้สีของพื้นที่บิดเบือนและแสงดูไม่เป็นธรรมชาติ
เทคนิคการแก้ไข Hotspot และ Scalloping
- เลือกโคมไฟดาวน์ไลท์ที่เหมาะสม
- เลือก Beam Angle ที่เหมาะกับพื้นที่
- พื้นที่กว้าง ควรใช้มุมกระจายแสงกว้าง (60–90°) ลด Hotspot
- ผนัง ควรใช้มุมกระจายแสง 35–60° หรือเลือกใช้ Wall Washer โดยเฉพาะ
- ใช้โคมแบบ Wall Washer
เหมาะสำหรับส่องผนัง ช่วยให้แสงกระจายเรียบเนียน ลดการเกิดรอยหยักได้ดี - เลือกโคมที่มีระบบ Anti-Glare
เช่น เลนส์แบบพิเศษ หรือ Grid ป้องกันแสงแยงตา และช่วยควบคุมทิศทางแสง
- วางแผนระยะห่างอย่างแม่นยำ
- Spacing: โดยทั่วไปควรเว้นระยะระหว่างดวงไฟประมาณ 1.5 – 2 เท่าของความสูงเพดาน
- Setback จากผนัง: ประมาณ 1/3 – 1/2 ของความสูงเพดาน เช่น เพดานสูง 3 เมตร ควรติดตั้งไฟห่างจากผนัง 1 – 1.5 เมตร
- ใช้ซอฟต์แวร์จำลองแสง: เช่น DIALux Evo, Relux, หรือ AGI32 เพื่อประเมินผลลัพธ์ก่อนติดตั้งจริง
- ปรับแต่งองค์ประกอบเสริม
- ติดตั้ง Dimmer: ลดความเข้มแสงเพื่อควบคุม Hotspot โดยเฉพาะในพื้นที่พักผ่อน
- เลือกใช้พื้นผิวที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงผิวเงา และเลือกวัสดุที่ช่วยกระจายแสง
- เพิ่มแหล่งแสงเสริม: เช่น ไฟโคฟ ไลท์ซ่อน หรือโคมตั้งพื้น เพื่อช่วยลดความต่างของแสงในพื้นที่
สรุป
การออกแบบแสงด้วยไฟดาวน์ไลท์ LEDไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความสว่าง แต่ยังเกี่ยวข้องกับการจัดองค์ประกอบของแสงให้มีความ สมดุล สวยงาม และไม่รบกวนสายตา การละเลยรายละเอียด เช่น การเลือกมุมกระจายแสงทีเหมาะสม หรือระยะห่างที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ปัญหา Hotspot และ Scalloping ซึ่งจะลดทอนคุณภาพของงานออกแบบโดยรวม
แนวทางที่ถูกต้อง ทั้งในด้านการเลือกอุปกรณ์ การออกแบบเชิงเทคนิค และการใช้ซอฟต์แวร์จำลองแสง คุณสามารถลดหรือหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พักอาศัย พื้นที่เชิงพาณิชย์ หรือพื้นที่โชว์รูมสินค้า การมีแสงที่ สม่ำเสมอ นุ่มนวล และมีคุณภาพ จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน และเสริมภาพลักษณ์ของสถานที่ได้อย่างมาก
NINELIGHTING แหล่งจัดจำหน่ายหลอดไฟ LED โคมไฟถนน LED เสาไฟถนน โคมไฮเบย์ LED สปอร์ตไลท์ LED ดาวน์ไลท์ราคาถูกสนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่
LINE Official Account:@nineled